ไม่มีใครหรอกที่อยากจะเป็นหนี้ แต่ก็มันเสียไม่ได้เพราะอยากจะมีบ้านมีรถแบบใครเขา บางคนต้องมาทำงานต่างอำเภอห่างจากที่ทำงาน 40-50 กิโลเมตร พอได้ทำงานไปสักระยะใหญ่ๆ เห็นช่องทางว่าอยู่ได้ทำงานได้ มีเงินเยอะแถมด้วย ยังใกล้ตลาดคงจะมีช่องทางการทำเงินเพิ่มได้อีกก็ทดลองเช่าบ้านอยู่ เช่าหออยู่แล้วก็ลองทำการค้า อาศัยว่าทดลองทำไปก่อน เริ่มไปรับของมาขายตอนเย็นหลังเลิกงาน แล้วก็หาทางขายในอินเตอร์เน็ตไปด้วย เรียกว่าทำงานวันละ 20 ชั่วโมง นอนแค่วันละ 4 ชั่วโมง (เปรียบเทียบเบาๆ) ไม่นานก็เริ่มเห็นช่องทางแล้วก็ซื้อบ้านใกล้กับที่ทำงาน เพื่อว่าสักวันอนาคตดีก็จะได้หากินอยู่แถวนี้ไปเลย
ความคิดนี้เชื่อได้เลยว่าเป็นความคิดของทุกคนที่อยู่ในวัยทำงานแต่ก็มีอีกกว่า 50 % ที่ทำแต่งานแล้วก็อาศัยการประหยัดเอา เพราะค้าขายไม่เป็นไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน แต่ก็ยังดีที่ว่าไม่ติดมือถือไม่เล่นโซเชียลแบบเรื่อยเปื่อยเรียกว่ามีไว้ให้ติดต่อไม่ได้มีไว้เพื่อโชว์ความโง่เขล่าของเราเอง แล้วก็อาศัยเวลาช่วงเย็นหลังเลิกงานไปรับจ้างขายของ รับจ้างร้านอาหารหรือจะทำสิ่งใดก็ตามแต่ถนัดได้มากได้น้อยก็ยังดีกว่าอยู่บ้านนอนเขี่ยมือถือเฉยๆ
แต่ก็ยังเหลือส่วนสุดท้ายที่มีมากที่สุด คงจะมากกว่า 50% เสียด้วยซ้ำที่คิดว่าเหนื่อยกับการทำงานประจำแล้ว เลิกงานก็อยากจะไปเที่ยวกินของอร่อยหรือทำอะไรตามใจตัวเองเสียหน่อย โดยใช้คำว่า “ชีวิตเราต้องใช้บ้าง” ใช้คำอ้างสารพัดเพื่อจะหาข้ออ้างว่าทำงานเยอะแล้วไม่อยากทำงานจนตายคาที่ทำงานแล้วคนเหล่านี้ในที่สุด ก็จะเริ่มใช้เงินเกินตัว เพราะคำว่าต้องใช้ชีวิตบ้าง ทำให้เราพยายามที่จะเลียนแบบคนดัง ดาราหรือ เน็ตไอดอลทั้งหลาย โดยที่ลืมไปว่าสิ่งที่เราได้มานั้น เป็นแค่เปลือกจอมปลอม เราพยายามที่จะทำให้ตัวเราดูดีแค่ภายนอกแต่ภายในนั้น ยังกลวงและพร้อมที่จะแตกแบบไร้ประโยชน์เช่นกัน
ไม่ได้โทษว่าการมีนั้นไม่ดี แต่ควรจะมีพอดี ถือว่าดีที่สุด คำว่าพอดีนั้นก็คือการพอใจ บางคนมีรถใช้ดีอยู่แล้ว แต่พอคนรู้จัก หรือคนข้างบ้าน หรือที่สำคัญที่สุดคนที่ดูเหมือนจะด้อยกว่าไปออกรถใหม่ ก็รีบที่จะออกรถใหม่ทันที ทั้งที่รถคันเก่าก็ยังผ่อนไม่หมด ผ่อนจนเลือดแทบจะออกปากก็ยังดิ้นรนหาข้ออ้างว่าเก่าแล้ว เริ่มจะต้องซ่อมเยอะ หรือมีข้ออ้างต่างๆ นานา แบบนี้แหละที่เรียกว่าไม่พอดี เกินตัวเห็นๆ สิ่งที่เราเห็นเขาซื้อรถใหม่ดีกว่าของเรา แต่อย่างลืมว่าก่อนหน้านี้เราก็มีรถใหม่ก่อนเขาเขาก็ยังไม่มีแถมเขาก็ยินดีกับเราแบบดีใจด้วย เขาพูดและมองว่าเรานั้นรวย มีเงินเก็บเยอะขยัน ข้อดีต่างๆ นานาเขามองเราแบบนั้น แล้วเขาก็ทำตาม จนในที่สุดเขาก็ได้มีรถอย่างที่เขาต้องการ และที่เหนือกว่า เขาอาจจะซื้อด้วยเงินสดหรือไม่ก็ดาวน์ไปเกือบจะไม่ต้องผ่อน แล้วสุดท้ายเราก็กลายเป็นคนที่ต้องอิจฉาเขาแทนเมื่อเขามาเล่าให้เราฟังว่าเราคือต้นแบบ หรือไอดอลของเขาเพราะเขาเห็นว่าเรามีจริง ด้วยคำโกหกหลอกลวงแต่มันส่งผลให้กับคนที่ได้ฟัง เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา
การเป็นหนี้ไม่ใช้สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป เพราะการเป็นหนี้ด้วยการนำมาลงทุนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย หรือการนำมาต่อยอดธุรกิจก็จัดว่าเป็นหนี้ชนิดหนึ่ง แต่มันก็สามารถที่จะทำกำไรและพัฒนายอดธุรกิจของเราต่อไปได้อย่างไม่ยากนัก แต่การเป็นหนี้ด้วยการกิน การเที่ยว และการซื้อความพอใจแบบนี้ไม่มีวันหมด เมื่อไหร่ที่เราได้เห็นสิ่งใหม่ๆ ได้ยินคำพูดจากหลายๆ คนได้พูดก็เริ่มจะคิดว่าเราต้องมีแบบเขาบ้าง ถ้าเราไม่มีก็จะเข้ากับเขาไม่ได้ แล้วหนี้ก็จะกลายเป็นปูนพอกหางหมูไม่มีวันที่จะแกะมันออกไปได้ เมื่อหนี้สินของเรายังเป็นแค่ดินพอกหางหมูก็ต้องรีบทำการแก้ไข ก่อนที่จะเป็นปูน เป็นเหล็กที่ติดหางเราไปตลอดกาล ถ้าเพื่อนในกลุ่มเราเป็นแบบนี้เกือบทั้งหมดก็ให้เริ่มถอยห่างออกมาจากกลุ่มนี้ อาจจะใช้เหตุผลง่ายๆ ว่าต้องกลับเร็ว มีงานต้องทำหรือต้องไปช่วยงานอะไรก็ตามแต่เหมาะสม ยิ่งสามารถทำงานเสริมแบบที่มีความสุขได้ด้วยก็ยิ่งเป็นเรื่องดีที่สุด งามเสริมบางครั้งก็ยังไม่จำเป็นต้องได้เงินเยอะตามที่เป้าหมายของชีวิตได้วางไว้ แต่ถ้าเริ่มทำด้วยใจรักก่อนแล้วค่อยทำการพัฒนาต่อยอดให้มันไปได้ไกลว่าที่เป็นอยู่มันจะกลายเป็นอาชีพที่อยู่กับเราได้นานและมีความสุขที่สุด อย่างคนที่ขายเสื้อผ้าออนไลน์ ก็อาจจะทำเพราะอยากแค่มีรายได้เสริมเล็กน้อย แต่พอได้เริ่มทำจริงๆ ก็สนุกกับการได้ขาย ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องทำอย่างไร ไปอย่างไรต่อ แต่พอเริ่มได้ลงมือทำก็พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นไอดอลของใครหลายคนแล้วในที่สุดก็ทำเงินได้จากตรงนี้มหาศาลทั้งขายปลีกขายส่ง อาจแถมด้วยการรีวิวอีกนับไม่ถ้วน โลกมันกว้างขึ้นและเส้นทางการเจริญเติบโตก็มากขึ้น อยู่แค่เราจะเลือกแบบไหน เลือกที่จะอยู่กับความฝัน หรือเลือกที่จะทำตามฝันให้สำเร็จ อยู่ที่เราจะเลือกทำ